เนื้อผ้าและลายผ้า
นับเป็นงานศิลปะ ที่ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึงความรู้สึกและจินตนาการลงในแผ่นผ้า ทำให้เกิดลายผ้าที่สวยงาม ไม่ว่าจะถ่ายทอดจากความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกทางด้านใด ก็จะทำให้เกิดเป็นงานศิลปะที่สื่อให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวของผู้ที่ถ่ายทอดงานศิลปะนั้น ๆ
อีกด้านหนึ่ง เนื้อผ้าก็เป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้งานและลวดลายมีความเด่นขึ้นมาได้อีกด้วย เนื้อผ้าที่ดีจะสามารถนำไปทำเสื้อผ้าหรือว่างานต่างๆ ได้ดี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนั้นว่าจะนำเนื้อผ้าและความเป็นเอกลักษณ์ของลวดลายไปใช้ในด้านใด สามาถแยกออกเป็นหลายๆ ประเภทซึ่งผมจะยกตัวอย่างมาบางประเภท มีดังนี้
ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ
เนื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ หรือ ผ้าฝ้าย โดยการนำปุยฝ้ายเส้นเล็ก ๆ มาปั่นให้เป็นเส้นด้ายแล้วนำมาทอเป็นผ้าผืน ซึ่งเนื้อผ้าประเภทนี้มักจะนำมาผลิตเป็นเสื้อ เพราะจะให้ความรู้สึกในการสวมใส่ที่สบาย เนื้อผ้านุ่มเนียน
ระบายอากาศดี(เนื่องจากเส้นใยมีลักษณะเป็นรูพรุน) ผ้าจะค่อนข้างซับเหงื่อได้ดีเป็นพิเศษกว่าผ้าชนิดอื่น
เนื้อผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์
ผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์
เนื่องจากกระบวนการผลิตผ้าใยสังเคราะห์นั้นเป็นผลพลอยได้มาจากการกลั่นน้ำมันในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งสามารถควบคุมขั้นตอนการผลิตในเชิงปริมาณได้ กระบวนการในการผลิตเส้นด้ายจากฝ้ายผสมที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน
และจุดเด่นของผ้าเนื้อผสมคือเรื่องการควบคุมการยืด(หด) ซึ้งเนื้อผ้าประเภทนี้จะยืดและหดตัวได้ดีกว่าผ้าฝ้าย แต่ด้วยเนื้อผ้าที่เป็นผ้าผสมจึงทำให้การระบายอาการไม่ดีเท่าที่ควร
เนื้อผ้าใยสังเคราะห์
เนื้อผ้าใยสังเคราะห์
วัตถุดิบที่นำมาทำผ้าเ้ส้นใยสังเคราะห์ได้มาจากปิโตรเคมี เสื้อส่วนใหญ่ที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด ข้อดีคือมีความคงสภาพอยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วยไปกว่าวันที่ซื้อเนื้อผ้าจะมีความมัน แต่ข้อเสียคือเนื้อผ้าจะระบายอากาศได้น้อยมาก ถ้าใส่อยู่ในที่แดดร้อน ๆ หรืออากาศอบอ้าว
จะรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าซับเหงื่อได้น้อย และเมื่อใส่ไปนาน ๆ (ซักบ่อย ๆ ) เสื้อผ้าจะขึ้นเม็ดดำ ๆ เป็นขุย ๆ
นี้คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมา ว่าแต่ละเนื้อผ้ามีคุณสมบัติแตกต่างกันเป็นอย่างไร และเนื้อผ้าแต่ละชนิดยังสามารถนำไปผลิตเสื้อผ้าที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
นับเป็นงานศิลปะ ที่ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึงความรู้สึกและจินตนาการลงในแผ่นผ้า ทำให้เกิดลายผ้าที่สวยงาม ไม่ว่าจะถ่ายทอดจากความคิด อารมณ์ หรือความรู้สึกทางด้านใด ก็จะทำให้เกิดเป็นงานศิลปะที่สื่อให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวของผู้ที่ถ่ายทอดงานศิลปะนั้น ๆ
อีกด้านหนึ่ง เนื้อผ้าก็เป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้งานและลวดลายมีความเด่นขึ้นมาได้อีกด้วย เนื้อผ้าที่ดีจะสามารถนำไปทำเสื้อผ้าหรือว่างานต่างๆ ได้ดี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลนั้นว่าจะนำเนื้อผ้าและความเป็นเอกลักษณ์ของลวดลายไปใช้ในด้านใด สามาถแยกออกเป็นหลายๆ ประเภทซึ่งผมจะยกตัวอย่างมาบางประเภท มีดังนี้
เนื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ หรือ ผ้าฝ้าย โดยการนำปุยฝ้ายเส้นเล็ก ๆ มาปั่นให้เป็นเส้นด้ายแล้วนำมาทอเป็นผ้าผืน ซึ่งเนื้อผ้าประเภทนี้มักจะนำมาผลิตเป็นเสื้อ เพราะจะให้ความรู้สึกในการสวมใส่ที่สบาย เนื้อผ้านุ่มเนียน
ระบายอากาศดี(เนื่องจากเส้นใยมีลักษณะเป็นรูพรุน) ผ้าจะค่อนข้างซับเหงื่อได้ดีเป็นพิเศษกว่าผ้าชนิดอื่น
เนื้อผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์
ผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์
เนื่องจากกระบวนการผลิตผ้าใยสังเคราะห์นั้นเป็นผลพลอยได้มาจากการกลั่นน้ำมันในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งสามารถควบคุมขั้นตอนการผลิตในเชิงปริมาณได้ กระบวนการในการผลิตเส้นด้ายจากฝ้ายผสมที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน
และจุดเด่นของผ้าเนื้อผสมคือเรื่องการควบคุมการยืด(หด) ซึ้งเนื้อผ้าประเภทนี้จะยืดและหดตัวได้ดีกว่าผ้าฝ้าย แต่ด้วยเนื้อผ้าที่เป็นผ้าผสมจึงทำให้การระบายอาการไม่ดีเท่าที่ควร
เนื้อผ้าใยสังเคราะห์
เนื้อผ้าใยสังเคราะห์
วัตถุดิบที่นำมาทำผ้าเ้ส้นใยสังเคราะห์ได้มาจากปิโตรเคมี เสื้อส่วนใหญ่ที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด ข้อดีคือมีความคงสภาพอยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วยไปกว่าวันที่ซื้อเนื้อผ้าจะมีความมัน แต่ข้อเสียคือเนื้อผ้าจะระบายอากาศได้น้อยมาก ถ้าใส่อยู่ในที่แดดร้อน ๆ หรืออากาศอบอ้าว
จะรู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าซับเหงื่อได้น้อย และเมื่อใส่ไปนาน ๆ (ซักบ่อย ๆ ) เสื้อผ้าจะขึ้นเม็ดดำ ๆ เป็นขุย ๆ
นี้คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมา ว่าแต่ละเนื้อผ้ามีคุณสมบัติแตกต่างกันเป็นอย่างไร และเนื้อผ้าแต่ละชนิดยังสามารถนำไปผลิตเสื้อผ้าที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น